ประกันสุขภาพเลือกยังไงดี

ปี2563นี้ ถือว่าเกิดเหตุร้ายเเรงตั้งเเต่ต้นปีกันเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นสภาพอากาศ ฝุ่น ไวรัส โรคร้าย อุบัติเหตุต่างๆ และเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด เราจึงควรทำประกันสุขภาพไว้เผื่อเกิดเหตุใดขึ้นจะได้ช่วยในส่วนของเรื่องค่าใช้จ่ายได้ เเต่สมัยนี้ประกันก็มีให้เลือกเยอะซะเหลือเกิน วันนี้เราจึงจะมาเเนะนำทริคในการเลือกประกันสุขภาพ

1.เบี้ยประกัน สำหรับมือใหม่ที่เริ่มสนใจอยากมีประกันสุขภาพเป็นของตัวเอง คุณต้องรู้จักเบี้ยประกันเสียก่อน ซึ่งเบี้ยประกันก็คือ เงินที่เราต้องจ่ายให้กับทางบริษัทประกันเพื่อซื้อความคุ้มครอง ซึ่งทั้งนี้อัตราค่าเบี้ยประกันสุขภาพจะไม่ตายตัว เพราะเบี้ยประกันจะเปลี่ยนไปตามความเสี่ยงของอายุ เพราะแต่ละอายุมีความเสี่ยงโรคภัยไม่เท่ากัน

2.วงเงินคุ้มครอง เราไม่สามารถทราบได้ว่าอนาคตเราจะเจ็บป่วยด้วยโรคอะไร จะเป็นโรคเล็กน้อยหรือเป็นโรคร้ายแรง ดังนั้นการมีประกันสุขภาพที่มีแผนกรมธรรม์คุ้มครองอย่างครอบคลุมละก็ จะช่วยแบ่งเบาเรื่องค่ารักษาพยาบาลไปได้เยอะ

3.เสี่ยงมากเสี่ยงน้อย ทุกคนล้วนต้องเจ็บป่วย มีความเสี่ยงเกี่ยวกับสุขภาพกันทั้งนั้น แต่จะเสี่ยงมากเสี่ยงน้อยก็ขึ้นอยู่กับสุขภาพส่วนตัว กรรมพันธุ์ รวมถึงโรคประจำตัวด้วย ทั้งนี้เราจำเป็นต้องสำรวจความเสี่ยงสุขภาพของตัวเองเสียก่อน ว่าสุขภาพของเรามีความเสี่ยงเป็นโรคอะไร จะเป็นโรคร้ายแรงหรือไม่ เราจะได้ประเมินความเสี่ยงว่าเราควรซื้อประกันสุขภาพประเภทไหน จะเป็นประกันสุขภาพธรรมดา ประกันสุขภาพโรคร้ายที่คุ้มครองโรคร้ายแรงอันดับต้นของโลก หรือเป็นประกันสุขภาพผู้สูงอายุที่เน้นคุ้มครองสุขภาพผู้สูงอายุ

4.ความคุ้มครอง อีกเรื่องที่เราควรดูก็คือ ความคุ้มครองของประกันสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นค่าห้องรักษา ค่ายา ค่าหมอ ค่าผ่าตัด แนะนำว่าต้องเลือกความคุ้มครองที่ครอบคลุมทั้งผู้ป่วยใน (IPD) และผู้ป่วยนอก (OPD) แล้วก็เลือกแผนประกันที่คุ้มครองตั้งแต่เจ็บป่วยเล็กน้อยไปจนถึงโรคร้ายแรง

5.โรงพยาบาลในเครือ และอย่างสุดท้าย ก็คือโรงพยาบาลในเครือของประกันสุขภาพที่คุณทำ หากบริษัทประกันสุขภาพของคุณมีโรงพยาบาลในเครือจำนวนมาก และกระจายอยู่ทั่วประเทศไทย ก็ถือเป็นตัวเลือกตัวที่น่าสนใจ

หากคุณกำลังมองหาแผนประกันสุขภาพ เพื่อคุ้มครองเราจากปัญหาสุขภาพและค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล เราขอแนะนำ ฟินชัวรันส์ ประกันสุขภาพที่ให้คุณฟินกว่า ประกันสุดฟินที่ให้ความคุ้มครองทั้งชีวิตและสุขภาพสูงสุดถึง 10 ล้านบาทต่อปี พร้อมค่าห้องสูงสุดถึง 9,000 บาทต่อวัน และสิทธิ์รักษาพยาบาลผู้ป่วยนอกแบบไม่จำกัดจำนวนครั้ง สูงสุดถึง 50,000 บาทต่อปี พร้อมสิทธิลดหย่อนภาษีเบี้ยประกันสุขภาพ สูงสุด 15,000 บาทต่อปี